คุณกำลังอยู่ในกล่องอยู่หรือเปล่า?

A’phirat Nimanussonkul
3 min readNov 30, 2020

--

กล่องคืออะไร แล้วการอยู่ในกล่องมันเป็นอย่างไร ทำไมไม่ควรอยู่ในกล่อง?

ทำไมคุณถึง รู้สึกไม่พอใจ เวลาที่พ่อแม่ แฟน หรือเพื่อนร่วมงาน กระทำสิ่งนั้นต่อคุณ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ หรือเป็นเรื่องที่คุณคิดว่ามันไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร เราจะมาหา ต้นตอ ของสิ่งนั้นกันครับ

สวัสดีครับ บทความนี้เป็นบทความที่ผมต้องการแชร์ควรรู้ มุมมองการใช้ชีวิตในทุกวันนี้กับคนอื่นๆ กับเพื่อนร่วมงาน กับครอบครัว

ซึ่งเป็นเนื้อหาจากหนังสือที่ผมได้อ่านมาแล้วรู้สึกว่าผมควรจะแชร์ให้ทุกคนได้รู้จักสิ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ครับ ชื่อว่า อยู่แต่ในกล่องคุณจะไปเห็นอะไร ของ The Arbinger Institute

ทำไมการอยู่ในกล่องถึงทำให้เรามองไม่เห็นอะไร แล้วอะไรที่เรามองไม่เห็น กล่องนั้นมันคืออะไร ผมจะเล่าให้ฟังครับ

การเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง

“ไปล้างจาน” “ไปซักผ้า” “ไปเก็บห้อง” “ไปกวาดบ้าน” คำต่างๆเหล่านี้ผมเชื่อว่าทุกๆคนเมื่อได้ยินต้องรู้ได้อย่างแน่นอนว่าเสียงหรือคำพูดเหล่านี้จะมาจากใคร นั่นคือ คุณพ่อ ไม่ก็คุณแม่ของพวกเราทุกคน

ถ้าย้อนกลับไปยังวัยที่ทุกคนกำลังเรียนอยู่ชั้นประถม คำพูดเหล่านี้ก็ฟังดูไม่มีอะไร เมื่อเราได้ยินเราก็จะไปทำงานบ้าน ไปช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ อย่าไงไม่ขัดใจตัวเองเท่าไร

ลองขยับอายุของพวกเราขึ้นมาอีกสักนิด เป็นตอนที่พวกเรากำลังขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทำไมคำพูดเหล่านี้ถึงได้ดูขัดหูขัดตาพวกเราจังเลย — บางคนอาจจะไม่ขนาดนั้นแต่ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่จะมีขัดใจบ้างแน่นอน

อะไรที่ทำให้เรามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป พวกท่านขี้บ่นกับเรามากขึ้นหรอ? เราขี้เกียจเองหรอ — (ก็อาจจะใช่นะ 555) หรือเราโตขึ้นหรอ? ทำไมพอเราได้ยินคำพวกนี้ถึงขัดใจเหลือเกิน

เหตุผลหลักๆที่ทำให้เราขัดใจต่อสิ่งต่างๆ ที่พ่อแม่ของเรา หรือคนรอบตัวกระทำต่อเรา ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดีต่อเราเองหรือไม่ก็ตาม ขณะนั้นเองเราได้กำลังสร้าง “กล่อง” ขึ้นมาแล้วอย่างไม่รู้ตัว

ผมสมมติเหตุการณ์ขึ้นมา เพื่อช่วยอธิบาย กล่อง ใบนี้

เช้าที่สดใสวันหนึ่ง เป็นวันเสาร์ที่แสนสงบของเด็กหนุ่มอายุ 17 ปี เขาตื่นมา พร้อมกับเสียงรายการท่องเที่ยวทาง TV ที่ออนแอร์เวลา 10:00 น. ด้วยความผ่อนคลาย เนื่องจากเขาพึ่งผ่านการสอบปลายภาคที่หนักหน่วง

เขาตรงไปที่คอมพิวเตอร์เครื่องโปรดที่คุณพ่อซื้อให้เขาในวันเกิดตอนปลายปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็เข้าเกมออนไลน์สุดโปรดของเขา

“กินข้าว!” เสียงดังมาจากห้องครัว เสียงนั้นคือคุณแม่ที่กำลังเรียกลูกๆและคนในครอบครัวมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน เพราะเขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ตื่นมาแล้ว เขาจึงรอเวลา เพื่อให้ทุกคนได้พร้อมหน้ากันในมื้อแรกของวัน

“มากินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวข้าวจะเย็นหมดนะ!” เสียงแม่ก็ยังคงตามมาไม่นาน เมื่อลูกชายไม่ออกมาจากห้องสักที

“งั้นแม่กินก่อนนะ กินเสร็จแล้วช่วยล้างจนที่ตัวเองกินด้วยนะ” เสียงแม่บอกลูกชายที่ไม่ออกมากินข้าวสักที ให้ล้างจานที่ตัวเองกินด้วย

“กินข้าวนะแม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว ฝากเรียกพ่อด้วย” เด็กหนุ่มเหลือบสายตาไปมองนาฬิกาที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาถึงกับตกใจเล็กน้อย เพราะตอนนั้นมันคือ 18:00 น.

นี่เขาเล่นเกมทั้งวันเลยหรือเนี่ย ลืมกินข้าวเช้า ข้าวเที่ยงไปเลย และข้าวเย็นก็จะลังจะเริ่มแล้ว แต่เขายังไปไม่ได้เพราะเกมที่เขาเล่นนั้นยังไม่จบ ถ้าออกไปก่อนเขาอาจจะเสียแต้มไปเลย เขาจึงเลือกที่จะเล่นเกมให้จบ

“ก๊อกๆ ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูจากแม่ที่เรียกเขาไปกินข้าวเมื่อ 5 นาทีที่แล้วแต่เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเลย

เด็กหนุ่มเปิดประตู ซึ่งในใจเขาคิดว่า จะอะไรนักหนา เดี๋ยวเกมก็จบแล้ว ทำไมถึงไม่กินไปก่อน เดี๋ยวเขาเล่นเกมจบแล้วจะตามไปกินเองละน่า

“เดี๋ยวไปน่าาาา” เด็กหนุ่มตอบคุณแม่ที่กำลังเดือดสุดๆกับลูกชายที่ไม่ออกจากห้อง ไม่กินข้าว ไม่ทำอะไรเลย ในหนึ่งวัน

เมื่อไหร่ นี่มันจะเข้านอนอยู่แล้ว ตอนไหนจะออกมา” คุณแม่เริ่มดุใส่

“เดี๋ยวเกมนี้จบแหล่ะ อีกแปปเดียว จะอะไรนักหนาเนี่ย” เด็กหนุ่มตอบคุณแม่ไปอย่างหัวเสีย เพราะเกมก็กำลังดำเนินไป แล้วคุณแม่ก็ทำลังทำให้เขาเสียเวลา เขาต้องการจะปิดประตูและรีบกลับไปเล่นเกมให้มันจบๆไป เพราะคุณแม่จะไม่ต้องมาบ่นเขาอีก

“พรึบ!!!” เสียงจอคอมฯที่ดับอย่างรวดเร็ว ตามด้วยเสียงพัดลมคอมพิวเตอร์ที่กำลังค่อยๆหยุดหมุนไป

มาถึงจุดนี้ผมว่าเราทุกคนน่าจะนึกภาพที่ตามมาออก ซึ่งผมว่าภาพที่ตามมาจะไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน และระดับความเลวร้ายของสถาการณ์ไม่ได้ลดลงก่อนหน้าที่คุณแม่เคาะประตูอย่างแน่นอน

กล่อง ได้สร้างขึ้นมาแล้ว ​

กล่องที่สร้างขึ้นมาไม่ใช่กล่องลังกระดาษเอาไว้ใส่ของแต่อย่างใด แต่เป็นกล่องล่องหนที่เด็กหนุ่มและแม่ของเขาได้สร้างขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว และเมื่อสร้างขึ้นมาแล้วนั้นพวกเขามองไม่เห็นมันเลย ไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของกล่องนั้นด้วยซ้ำ

กล่องนี้พิเศษอย่างไร? กล่องนี้เป็นกล่องที่พวกเขาสร้างขึ้นมาคลุมตัวพวกเขาเองแล้วกล่องนี้ก็จะตัดทุกอย่างในสิ่งดีๆของคนที่พวกเขากำลังมองออกไปหมด พวกเขาจะมองเห็นแต่เรื่องแย่ๆ เรื่องที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจ

ในขณะที่พวกเขากำลังสร้างกล่องขึ้นมานั้น พวกเขาได้ทำของสิ่งหนึ่งร่วมกันครับ นั่นคือ การสร้างความขัดแย้ง ให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ต่างฝ่ายต่างเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายแสดงพฤติกรรมที่เราไม่ชอบออกมา

ทำไมผมถึงบอกอย่างนั้น เพราะเท่าอ่านมา เด็กหนุ่มเองไม่ใช่หรอที่ทำตัวแย่ๆ เอาแต่เล่นเกมทั้งวัน ไม่สนใจอะไรเลย พอแม่เข้ามาก็ไม่พอใจ อีกทั้งยังตอบคำถามอย่างไม่สมควร

เมื่อไหร่ นี่มันจะเข้านอนอยู่แล้ว ตอนไหนจะออกมา” คำพูดนี้ และการถอดปลั๊กไฟคอมพิวเตอร์ของคุณแม่เองก็เป็นการเชื้อเชิญให้ลูกของเขารู้สึกแย่ขึ้นไปอีก การที่ถอดปลั๊กไฟนั้นเป็นการเชื้อเชิญที่ตรงไปตรงมาและรุนแรงมากๆเลยละครับ

ดังนั้นผมจึงบอกว่าพวกเขาทั้งคู่ได้สร้างกล่องและได้ช่วยกันทำให้การทะเลาะกันครั้งนี้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆครับ

แล้วพฤติกรรมแบบไหนบ้างที่ทั้งคู่กำลังเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายแสดงพฤติกรรมแย่ๆออกมา

“เดี๋ยวไปน่าาาา”

เมื่อไหร่ นี่มันจะเข้านอนยุแล้ว ตอนไหนจะออกมา

“เดี๋ยวเกมนี้จบแหล่ะ อีกแปปเดียว จะอะไรนักหนาเนี่ย”

และการถอดปลั๊กไฟคอมพิวเตอร์

จะเห็นได้ว่าทุกๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนแต่ทวีรุนแรงของการทะเลาะขึ้นเรื่อยๆ

แผนภาพสมคบคิด ที่ทั้งสองฝ่ายช่วยกันสร้างความแตกแยก

กล่อง สร้างขึ้นมาได้อย่างไร?

ก่อนที่จะหาว่ากล่องพวกนี้สร้างขึ้นมาได้อย่างไร เราต้องหาก่อนว่าเมื่อไรกันที่กล่องพวกนี้เริ่มสร้างขึ้นมา???

กล่องของฝ่ายแม่ เริ่มหลังจากที่เรียกลูกชายแล้วไม่มีสัญญาณตอบกลับมา จนทำให้ต้องเดินไปเรียกถึงหน้าห้อง

กล่องของฝ่ายลูก เริ่มจากตอนที่แม่เคาะประตู และดุใส่เขา นั่นเองครับ

โดยทั้งสองเหตุการณ์นั้นทั้งคู่มุมมองคนอื่นที่เหมือนกันครับ นั่นคือ ทั้งคู่ได้มองอีกฝ่ายเป็น วัตถุสิ่งของ

ทำไมถึงบอกว่าทั้งคู่มองกันและกันเป็นวัตถุสิ่งของ เพราะทั้งคู่ได้ลืมเรื่องราวต่างๆไปแล้ว ทั้งคู่มองเห็นอีกฝ่ายในด้านร้ายๆไปแล้ว เห็นเป็นวัตถุสิ่งของที่ไม่มีชีวิต ไม่มีจิตใจ มองอีกฝ่ายอย่างไร้เหตุผล

แล้วกล่องเหลานี้สร้างขึ้นมาได้อย่างไร? ก็สร้างหลังจากที่เราได้มองอีกฝ่ายเป็นวัตถุสิ่งของ ไม่ใช่คนอีกต่อไป ตอนนี้แหล่ะครับ

กล่องอะไรที่ทั้งคู่สร้างขึ้นมา?

กล่องที่ได้พูดถึงตั้งแต่ต้นเรื่องของบทความก็มีชื่อเรียกเหมือนกันครับ

  • กล่องแห่ง ความเหนือกว่า ทำให้คุณมองตัวเองดีกว่า สูงส่งกว่าคนอื่นๆ เห็นแต่ข้อเสียของคนอื่น
  • กล่องแห่ง ความคู่ควร ทำให้คุณไม่ชอบใจ รู้สึกว่าตัวเองโดนเอาเปรียบ คิดว่าตัวเองควรได้สิ่งนั้น
  • กล่องแห่ง ภาพลักษณ์ ทำให้คุณกังวล กังวลว่าตัวเองจะดูเป็นคนไม่ดี
  • กล่องแห่ง ความด้อยกว่า ทำให้คุณมองตัวเองด้อยกว่าคนอื่น โทษวาสนา มองตัวเองไม่ได้เรื่อง

กล่องเหล่านี้เป็นกล่องจากหนังสือ ซึ่งส่วนตัวมองว่ามีกล่องอีกมากมายนอกเหนือจาก 4 กล่องเหล่านี้อีกมากครับ

ตัวอย่าง การสร้างกล่องแต่ละแบบ

  • กล่องแห่งความเหนือกว่า เช่น ตอนที่คุณกำลังนินทาใครสักคน น่าแปลกใจมากๆที่คุณได้ขุดเอาเรื่องแย่ๆของคนๆนั้นมาได้อย่างมากเลย และคุณก็ได้ยกตัวเองให้เหนือกว่าคนอื่นในทุกๆนาที
  • กล่องแห่งความคู่ควร เช่น ตอนที่คุณกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำงานหนักกว่าคนอื่น คุณต้องการพักผ่อนบ้าง หรือคุณควรได้รับโบนัสพิเศษกว่าคนอื่น
  • กล่องแห่งภาพลักษณ์ เช่น ตอนที่คุณเดินไปพบกับชายตาบอดที่กำลังคลำหาเหรียญที่หล่นอยู่ตามพื้น แต่คุณไม่ได้เข้าไปช่วยและเดินผ่านมา แต่ตอนนั้นเองได้มีเด็กคนหนึ่งเข้าไปช่วยเก็บเหรียญ คุณเองก็ได้พยายามาเหตุผลว่าทำไมคุณถึงไม่เข้าไปช่วยคนนั้นกันนะ เช่น คุณรีบไปทำงาน ของในมือคุณเยอะมากๆ คุณมองไม่เห็น และกำลังทำเป็นว่าตัวเองมองไม่เห็น
  • กล่องแห่งความด้อยกว่า เช่น ตอนที่คุณเห็นคนที่เขาถูกสลากกินแบ่งรางวัลที่ 1 แล้วก็ได้พร่ำบ่นกับตัวเอง ว่าวาสนาไม่เท่าคนอื่น ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง

ในฝั่งของแม่ ก็ได้สร้างกล่องที่ชื่อว่า กล่องแห่งความเหนือกว่า เขาได้มองว่าตัวเองเป็นแม่ ลูก็ควรเชื่อ ควรทำตามบ้าง และลูกเองก็ควรทำอะไรบ้าง ไม่ใช่เล่นเกมอยู่อย่างนี้

ส่วนฝั่งลูกชายก็ได้สร้างกล่องที่ชื่อว่า กล่องแห่งความคู่ควร เขาคิดว่าตัวเองพึ่งผ่านการสอบมา อยากเล่นเกมผ่อนคลายบ้าง เดี๋ยวเกมนี้ก็จะจบแล้ว เดี๋ยวก็จะไปแล้ว

กล่องที่หนาขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งหนึ่งที่อันตรายมากๆสำหรับสิ่งที่เรียกว่ากล่องคือ กล่องสามารถสร้างซ้อนทับกล่องเดิมได้ สร้างมาห่อกล่องไปเรื่อยๆเป็นชั้นๆ ในวันหนึ่งเมื่อคุณได้สร้างกล่องที่หนามากๆแล้ว วันนั้นคุณจะมองทุกอย่างบนโลกเป็นสิ่งที่ขวางหูขวางตาคุณไปเลย

จะออกจากกล่องได้อย่างไร?

ถ้าหากคุณเข้าสู่สถานการณ์ที่เรียกได้ว่าขัดแย้งกับใครแล้วคุณมีสตินึกได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในกล่อง หรือกำลังทะเลาะกับใครอยู่ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือ หยุดวงจรการเพิ่มกล่องที่หนาขึ้นเรื่อยๆ

คุณต้องยอมเดินออกมาจากความขัดแย้งตรงนั้นก่อน

จะเป็นอย่างไร ถ้าเรื่องราวที่ผมเล่าขึ้นมา เป็นแบบนี้

เด็กหนุ่มเปิดประตู ซึ่งในใจเขาคิดว่า จะอะไรนักหนา เดี๋ยวเกมก็จบแล้ว ทำไมถึงไม่กินไปก่อน เดี๋ยวเขาเล่นเกมจบแล้วจะตามไปกินเองละน่า

“เดี๋ยวไปน่าาาา” เด็กหนุ่มตอบคุณแม่ที่กำลังเดือดสุดๆกับลูกชายที่ไม่ออกจากห้อง ไม่กินข้าว ไม่ทำอะไรเลย ในหนึ่งวัน

จาก เมื่อไหร่ นี่มันจะเข้านอนยุแล้ว ตอนไหนจะออกมา” คุณแม่เริ่มดุใส่

เปลี่ยนเป็น “ได้ๆ เดี๋ยวแม่ไปเรียกพ่อรอนะ วันนี้มีกับข้าวที่ลูกชอบด้วย เห็นบ่นว่าอยากกิน มานานแล้ว สอบมาเหนื่อยๆ กินอะไรอร่อยๆจะได้สดชื่น”

หรือ

จาก

เด็กหนุ่มเปิดประตู ซึ่งในใจเขาคิดว่า จะอะไรนักหนา เดี๋ยวเกมก็จบแล้ว ทำไมถึงไม่กินไปก่อน เดี๋ยวเขาเล่นเกมจบแล้วจะตามไปกินเองละน่า

“เดี๋ยวไปน่าาาา” เด็กหนุ่มตอบคุณแม่ที่กำลังเดือดสุดๆกับลูกชายที่ไม่ออกจากห้อง ไม่กินข้าว ไม่ทำอะไรเลย ในหนึ่งวัน

เปลี่ยนเป็น

“เดี๋ยวผมไปกินนะครับ เล่นเกมอยู่กำลังจะจบแล้ว ขออีก 5 นาทีนะครับ

คุณคิดว่าเหตุการณ์ถอดปลั๊กไฟคอมพิวเตอร์จะเกิดขึ้นหรือไม่ครับ เกิดขึ้นครับแต่คนที่ถอดปลั๊กไฟจะเป็นฝ่ายลูกชายเอง เป็นการถอดปลั๊กไฟหลังจากที่เขาปิดคอมพิวเตอร์ และพร้อมไปทานข้าวกับครอบครัวแล้ว

ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด แต่คนที่ยอมหยุดวงจรขัดแย้งที่ต่างฝ่ายต่างเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายแสดงพฤติกรรมที่ตนเองไม่ชอบออกมา คือคนที่มองเห็นกล่องๆนั้นที่ตัวเองกำลังสร้างมาอยู่ และรู้ว่าควรถอยออกมา

เรามาดูกันว่าขั้นตอนการออกจากกล่องมีอะไรบ้าง

1. มองหาสัญญาณของกล่อง เช่น การกล่าวโทษคนอื่น การยัดเยียดความร้ายให้กับคนอื่น การสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง

2. มองหาสถานการณ์ที่ปราศจากกล่อง เช่น ความสัมพันธ์ ความทรงจำ กิจกรรม สาถานที่ หรือสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับคนที่เรากำลังเผชิญหน้าด้วย

3. ไตร่ตรองสถานการณ์ใหม่อีกครั้ง ในมุมมองของคนที่อยู่นอกกล่อง

4. ลงมือทำ

อ้างอิงจาก: หนังสือ อยู่แต่ในกล่องคุณจะไปเห็นอะไร หน้าที่ 247

ทุกคนต่างเคยอยู่ในกล่อง

เมื่อผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ผมรู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลขึ้น และค้นพบเหตุผลว่าทำไมตัวเองถึงไม่พอใจอะไรบางอย่าง ทำไมเราถึงทะเลาะกับคนอื่นได้ ทำไมเราทำตัวแบบนั้น

เมื่อมาถึงหน้าสุดท้ายของหนังสือ ผมได้นึกย้อนไปในหลายๆเหตุการณ์ในอดีต แล้วรู้สึกสมเพชตัวเอง ที่ทำอะไรหรือพูดอะไรลงในขณะที่ตัวเองอยู่ในกล่องที่หนาทึบ มองไม่เห็นโลกภายนอกเลย มองเห็นแค่ตัวเองเท่านั้น

สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคือ ไม่สำคัญว่าคุณเคยอยู่ในกล่องมานานแค่ไหนหรือกล่องคุณมันหนาขนาดไหน ผมเชื่อว่าถ้าใครก็ตามที่รับรู้ได้ถึงการมีกล่องรอบๆตัว เมื่อถึงจุดนั้นเขาจะตระหนักและยับยั้งไม่ให้ตัวเองสร้างกล่องขึ้นมาและลบกล่องที่ตัวเองมีอยู่ไปเรื่อยๆ จนวันนึงกล่องนั้นก็ได้หายไป และทุกคนก็จะออกมาจากกล่องได้

จะพาคนอื่นออกมาจากกล่องได้อย่างไร

เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบ สิ่งหนึ่งที่วิ่งเข้ามาในหัวของผมคือ ทำอย่างไรทุกคนจะได้อ่านหนังสือเล่มนี้นะ ผมจึงนึกได้ว่าผมสามารถบอกเล่าเรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ได้ นั่นจึงเป็นที่มาของบทความนี้

ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ผมสามารถทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือ การแชร์เรื่องราวของหนังสือเล่มนี้ เล่าถึงการมีอยู่ของกล่องในตัวใครหลายๆคน เล่าถึงข้อเสีย สิ่งที่แย่ของการมีกล่องรอบๆตัว

บทความนี้เองก็เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดของผมที่จะพาทุกท่านออกมาจากกล่อง แต่อาจจะไม่ได้พาออกมาโดยตรง แค่ทุกท่านรับรู้ถึงการมีอยู่ของกล่อง นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ตัวท่านเองทำไปโดยไร้เหตุผล หรือไร้สติ ตัวผมเองก็รู้สึกบรรลุผลของการเขียนบทความนี้ขึ้นมาแล้วครับ

อยากให้คนรอบตัวของคุณออกจากกล่องได้หรือไม่

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่อยากให้คนรอบๆตัวผม รวมถึงตัวผมมเองออกจากกล่อง ผมจึงแชร์เรื่องราวอันนี้ขึ้นมา

ถ้าทุกท่านมีความต้องการเดียวกับผม ช่วยแชร์บทความนี้เพื่อเป็นต้นทางเล็กๆ ต้นทางที่นำไปสู่การเปิดกล่อง

ผมเชื่อว่าบทความนี้จะเป็นช่องเล็กๆที่ทำให้คนที่ได้อ่านมองเห็นกล่องเหล่านั้น สิ่งเล็กๆที่ผมหวังไว้มีเพียงเท่านี้ครับ

ขอบคุณครับ

--

--